ขายบุหรี่ไฟฟ้าราคาถูก.com : เปิดวิธีการอ่านข้อมูลฉลากไฟฟ้าของเครื่องอบผ้าอย่างถูกต้อง
เครื่องอบผ้าที่เราใช้งานกันนั้นต้องบอกว่าจะมีฉลากพลังงาน หรือข้อมูลฉลากไฟฟ้าให้ได้ศึกษาอยู่ด้วย แน่นอนว่าเรื่องนี้อาจมีหลายคนที่ละเลยการอ่านค่าสัญลักษณ์นั้น ๆ ไป ทั้งที่จริงแล้วนับว่ามีความสำคัญมากเพราะช่วยให้เข้าใจความหมายพร้อมใช้งานเครื่องได้อย่างเหมาะสม จึงไม่พลาดที่จะรวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษาอย่างละเอียด
ข้อมูลฉลากไฟฟ้าของเครื่องอบผ้ามีความหมายยังไงบ้าง1. kWh/ปี การใช้พลังงานต่อปี
เป็นข้อมูลที่มีระบุไว้บนตัวเครื่องเพื่อบอกถึงการใช้พลังงานต่อปีโดยประมาณ ซึ่งจะอิงกับการทำงานของรอบการอบผ้าทั้งแบบเต็มและไม่เต็มถังเท่ากับ 160 รอบ ตามโปรแกรมการอบผ้ามาตรฐานอยู่แล้ว โดยเท่ากับการอบผ้าต่อสัปดาห์ 3 ครั้ง ทั้งนี้ การคำนวณด้วยวิธีคูณค่าไฟฟ้าของเครื่องรายปีกับค่าไฟฟ้าต่อ kWh ซึ่งจะช่วยให้สามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายการใช้ไฟฟ้าตลอดปีได้ง่าย ๆ วางแผนการเงินของครอบครัวได้เป็นอย่างดีเลย อย่ามองข้ามเด็ดขาด
2. A+++ ถึง D ระดับพลังงาน
การใช้งาน
เครื่องซักอบผ้านั้นจะมีระดับพลังงานบอกด้วย โดยทั่วไปแบ่งเป็นระดับ B – C หรือหากเป็นแบบปั๊มความร้อนก็จะมีพลังงานตั้งแต่ A+ - A+++ เลยทีเดียว โดยถ้าถามถึงประสิทธิภาพในการทำงานหากเป็นประเภทระบายจะน้อยกว่าแบบปั๊มความร้อน และควบแน่น ปัจจุบันสามารถใช้งานระดับพลังงานระดับ A+++ มาใช้แล้ว และเอาประเภท D ออกไปแล้วด้วยเพื่อคุณภาพที่ดีกว่า
3. กิโลกรัม ความจุในการใส่ผ้า
ปริมาณผ้าที่จะใส่ในเครื่องอบนั้นต้องเป็นการรองรับผ้าชนิดผ้าฝ้ายที่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะ
เครื่องอบผ้า ราคาสูง มีความจุ มีการเปลี่ยนไปตามโปรแกรม หรือฟังก์ชันที่เลือก โดยจะใช้เป็นหน่วย “กิโลกรัม” ทั้งนี้ อาจต้องอ่านคู่มือประกอบการใช้งานด้วยก็ได้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม
4. นาที เวลาวัดรอบการทำงานแบบเต็มถัง
ปกติแล้วการวัดรอบการทำงานเต็มถังก็จะมีหลายชนิด แต่หากเป็นผ้าฝ้ายก็ต้องได้มาตรฐานด้วย โดยระยะเวลาการใช้งานปั่นต่อรอบแบบควบแน่นก็จะต่ำกว่าแบบระบาย เพราะแบบควบแน่นมีการใช้อุณหภูมิที่สูงกว่า แต่กระนั้นแม้รอบการทำงานปั่นผ้าจะนานกว่าเล็กน้อย แต่เครื่องประเภทควบแน่นสามารถถนอม และอ่อนโยนต่อเนื้อผ้ามากกว่าด้วยเช่นกัน
การที่เราใส่ใจเรื่องข้อมูลฉลากของเครื่องอบผ้าจะช่วยให้การใช้งานมีมาตรฐานมากขึ้น ไม่ทำให้เกิดปัญหาเสียหาย หรือชำรุดขึ้นง่าย ๆ ทั้งนี้ ในการเลือกเครื่องก็ควรมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วย เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดถึง 50% เมื่อประหยัดไฟได้มากขึ้นย่อมเท่ากับเซฟเงินในกระเป๋าเอาไว้ใช้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อีกเยอะมาก ยิ่งยุคนี้ค่าครองชีพสูงมีวิธีไหนใช้เงินน้อยสุดได้ก็ต้องทำ