หัวข้อ: รอยแผลเป็นที่แขน รักษาอย่างไรให้กลับมาเนียนสวย เริ่มหัวข้อโดย: damonshoppu ที่ มิถุนายน 18, 2022, 03:38:09 PM “แผลเป็น” เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น นอกจากจะเป็นอุปสรรคของความสวยงาม ทำลายความมั่นใจของหลายๆคนแล้ว ยังจะต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษาอีกด้วย ซึ่งแผลเป็นเหล่านี้สามารถเกิดได้จากอุบัติเหตุใหญ่ๆ หรือเกิดจากความซุ่มซ่ามเล็กๆน้อยๆ
ในแต่ละวันเราจะต้องเผชิญเสี่ยงกับอุบัติเหตุทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการหกล้ม แผลจากของมีคมบาด แผลจากไฟและความร้อน แผลจากการโกนหรือแว็กซ์ขน แผลจากสิว หรือแม้กระทั่งแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดแผลเป็นได้ทั้งสิ้น แผลเป็นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกบริเวณบนร่างกาย หากมีขนาดเล็กและอยู่ในตำแหน่งที่สามารถปกปิดได้ อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หากเกิดบริเวณที่เห็นได้ชัดอย่างบริเวณใบหน้า ขา และแขน อาจจะสร้างความกังวลใจและอยากรักษาให้แผลเป็นจางหายไปเร็วที่สุด (https://i.imgur.com/r5YYtTW.jpg) โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการรักษารอยแผลเป็นที่แขน (https://www.celesteonlineshop.com/post/10-tips-to-organically-remove-scar) ให้กลับมาเนียนสวยเหมือนเดิม สร้างความมั่นใจให้กับคุณกันค่ะ รอยแผลเป็นที่แขน เกิดจากอะไรได้บ้าง? แผลเป็นนั้นเกิดจากการที่ผิวหนังถูกทำลาย โดยหลังจากที่ได้รับการบาดเจ็บนั้น ร่างกายจะเกิดกระบวนการสมานแผลซึ่งจะทำการผลิตคอลลาเจนเพื่อช่วยสร้างเนื้อเยื่อในบริเวณที่ถูกทำลาย แต่หากเกิดการผลิตคอลลาเจนมากเกินไป จะทำให้เกิดแผลเป็นได้ โดยรอยแผลเป็นที่แขน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ● การบาดเจ็บจากการหกล้ม ข้อศอกถลอก หรือเป็นรอยแผลที่แขน ● การบาดเจ็บจากของมีคม มีดบาด โดนข่วนหรือถูกบาดจากกระดาษ หรือกิ่งไม้โดยไม่รู้ตัว ● การบาดเจ็บจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อาจทำให้เกิดแผลเป็นหดรั้ง ● การบาดเจ็บจากความร้อน เช่น การทำอาหาร หม้อร้อน อุ่นของร้อน หรือที่ม้วนผม ที่หนีบผม ● การบาดเจ็บจากการโกนหรือแว็กซ์ขน อาจเกิดการอักเสบทำให้เกิดขนคุด ● แผลจากสิว สิวสามารถขึ้นได้ทุกที่ไม่ใช่เฉพาะใบหน้าและแผ่นหลัง เป็นรอยดำรอยแดงได้ ● แมลงสัตว์กัดต่อย หากเกาแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย หรือในคนที่มีอาการแพ้ จะทำให้เกิดรอยดำรอยแรงได้เช่นกัน (https://i.imgur.com/Ll8EgTV.png) วิธีรักษารอยแผลเป็นที่แขนให้กลับมาเนียนสวย การรักษารอยแผลเป็นที่แขนนั้นสามารถทำได้หลากวิธี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ขนาดของแผลเป็น ลักษณะของแผลเป็น ลักษณะของผิวหนัง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ลักษณะของแผลเป็นนั้นมีอยู่หลายแบบ เช่น คีลอยด์ (Keloid), แผลเป็นนูน (Hypertropic scars), แผลลึกบุ๋ม (Depressed scar), แผลเป็นหดรั้ง (Scar Contracture), และแผลเป็นจากสิว (Acne Scar) โดยแต่ละแบบก็จะมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป คุณสามารถรักษาด้วยตัวเองง่ายๆที่บ้าน โดยใช้วิธีการ ● ทายารักษาแผลเป็น การทายารักษาแผลเป็น เป็นสิ่งที่นิยมมากที่สุดในการรักษาแผลเป็นด้วยตัวเอง โดยคุณควรเลือกยาที่เหมาะสมกับลักษณะของแผลเป็น ซึ่งมักจะมีส่วนประกอบของวิตามิน E, วิตามิน A, วิตามินบี 3, ซิลิโคนเจล และยากลุ่มสเตียร์รอยด์ ยารักษาแผลเป็นเหล่านี้จะช่วยทำให้แผลเป็นมีสีจางลง ลดอาการคัน ลดการอักเสบ และเร่งการสร้างคอลลาเจนบริเวณแผลเป็นได้ดี ● สครับผิว การสครับผิวจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขนของคุณ และทำให้ผิวหนังดีขึ้น ซึ่งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA อ่อนๆ เพื่อช่วยเพิ่มความกระจ่างใส และลดรอยดำคล้ำไม่ให้รอยแผลเป็นมีสีเข้มขึ้น ● ใช้ครีมกันแดด การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันไม่ให้รอยแผลเป็นมีสีเข้มขึ้น ช่วยป้องกันรอยดำจากแสงแดด ● ใช้วิธีธรรมชาติ การใช้สมุนไพรไทยหรือของใกล้ตัวที่หาได้ง่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษารอยแผลเป็น แต่อาจจะใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าขึ้นอยู่กับลักษณะแผลเป็น โดยสิ่งที่เป็นที่นิยมอย่างมากคือ ว่านหางจระเข้, หอมหัวใหญ่, มะนาว, น้ำผึ้ง, ใบบัวบก, กระเทียม, น้ำมันมะกอก, น้ำส้มสายชูหมัก, แอปเปิ้ลไซเดอร์, เบกกิ้งโซดา, หรือวาสลีน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก https://www.celesteonlineshop.com/post/10-tips-to-organically-remove-scar (https://www.celesteonlineshop.com/post/10-tips-to-organically-remove-scar) หรือใช้วิทยาการทางการแพทย์ในการรักษา เช่น การฉีดฟิลเลอร์, ฉีดยาสเตียร์รอยด์, ผลัดเซลล์ผิวด้วยวิทยาการ Microdermabrasion (MD), เลเซอร์, หรือศัลยกรรมผ่าตัด ซึ่งจำเป็นต้องทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด |