ขายบุหรี่ไฟฟ้าราคาถูก

E-Cigarette E-Liquid Experience ขายบุหรี่ไฟฟ้าราคาถูก.com => พูดคุยเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า => ข้อความที่เริ่มโดย: Pongchai00 ที่ สิงหาคม 04, 2013, 02:02:45 AM



หัวข้อ: อ่านแล้วเหนื่อยใจ ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pongchai00 ที่ สิงหาคม 04, 2013, 02:02:45 AM
 พญ.ปานทิพย์ โชติเบญจมาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบ ว่า ที่ผ่านมาสำนักฯ ได้กวดขันการควบคุมยาสูบให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 มาตลอด โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ ซึ่งจะมีการตรวจ ตักเตือน และอบรมผู้ประกอบการ เจ้าของสถานที่อย่างสม่ำเสมอ โดยปีที่ผ่านมามีการดำเนินคดีสถานที่ที่ไม่จัดให้ปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย ส่วนการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องอื่น เช่น การไม่ติดภาพคำเตือน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สรรพสามิตร ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
       
       พญ.ปานทิพย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ. ... ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์นั้น จะมีเนื้อหาที่ครอบคลุมการตลาดรูปแบบใหม่ๆ และการบริโภคยาสูบรูปแบบใหม่ๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า บารากุ มากยิ่งขึ้น ซึ่งกฎหมายเดิมยังควบคุมและบังคับใช้ได้ยาก เพราะมีการนำเข้าแยกชิ้นส่วน หากยังไม่มาประกอบรวมกันก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้า เท่ากับผลิตภัณฑ์เทียบเท่าบุหรี่ โดยพบว่าจะใส่นิโคตินเหลวซึ่งมีความเข้มข้นมากกว่านิโคตินในบุหรี่มวนปกติถึง 6 เท่า นอกจากนี้ ยังไม่มีงานวิจัยชี้ว่าผู้สูบเสี่ยงจะได้รับอันตรายอะไรบ้าง จากกระบวนการทำให้เกิดไอ ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะใส่สารเคมีและใช้แบตเตอรี ทำให้เกิดความร้อนจนกลายเป็นไอเพื่อให้สูบนิโคตินเข้าไป
       
       “มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าว่ามีความปลอดภัยกว่าบุหรี่ทั่วไป ทั้งที่พบว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีความเข้มข้นสูงกว่าทำให้เกิดการเสพติดมากกว่า เสี่ยงได้รับอันตรายมากกว่า เพราะนิโคตินนั้นจะมีผลต่อระบบสมอง หัวใจ ความดันและหลอดเลือด ดังนั้น จำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อให้เกิดการควบคุมการนำเข้าและการใส่คำเตือนลงในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบต้องมีคำเตือนให้ผู้บริโภคได้ทราบและตัดสินใจ” พญ.ปานทิพย์ กล่าว
       
       หมอแจงชาวไร่ยาสูบไทยลดลง หันปลูกพืชเศรษฐกิจ เพราะกลไกตลาด ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.ยาสูบ ฉบับใหม่
       
       ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณี นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ ระบุว่าจำนวนชาวไร่ยาสูบและพื้นที่เพาะปลูกยาสูบของไทยลดลง เพราะหันไปปลูกพืชอื่นที่มีรายได้สูงกว่า และโรงงานยาสูบต้องไปซื้อใบยาสูบจากพม่า ลาว และกัมพูชา ว่า ปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่มาเลเซีย โดยจำนวนชาวไร่ยาสูบมาเลเซียลดลงจาก 23,020 ราย ในปี 2543 เหลือเพียง 2,428 ราย ในปี 2555 และคาดว่าภายใน 10 ปี จะไม่มีชาวไร่ยาสูบอีกเลย เนื่องจากโรงงานผลิตบุหรี่ข้ามชาติในมาเลเซีย หันไปซื้อใบยาสูบจากประเทศอื่นในอาเซียนที่มีราคาถูกกว่า แน่นอนว่าโรงงานยาสูบไทยก็ต้องทำเช่นเดียวกัน เพื่อลดต้นทุนให้สามารถแข่งขันกับบุหรี่นำเข้าได้
       
       ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ที่ก่อนหน้านี้สมาคมชาวไร่ยาสูบออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. ... ของ สธ.โดยอ้างว่ากระทบความเป็นอยู่ของชาวไร่ยาสูบ ซึ่งข้อเท็จจริงคือกลไกตลาดต่างหากที่จะกระทบชาวไร่ยาสูบ ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.นี้ โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว คือบริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่ไม่ต้องการให้ตลาดบุหรี่ไทยลดขนาดลง โดยขัดขวางนโยบายและมาตรการควบคุมยาสูบของรัฐบาลไทยทุกวิถีทาง ล่าสุดถึงกับฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกประกาศ สธ.ที่เพิ่มขนาดภาพคำเตือนจาก 55% เป็น 85% จึงขอให้ชาวไร่ยาสูบไทยรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงและอย่าตกเป็นเครื่องมือของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วเหนื่อยใจ ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: vikrom ที่ สิงหาคม 04, 2013, 07:34:00 PM
ม่ายเป็นไรครับ ขอแค่พวกเราเข้าใจถูกต้องก็พอ ลองอ่านหัวข้อเก่าๆของท่านเลมอน ดูสิครับ คิดง่ายๆครับ
แค่นี้ผมก็ลาจากการดูดหญ้ามาปีหนึ่งเต็มๆแล้ว  :0009: :0009: :0009:

www.xn--12cbg6esa4aavkc8fydgbb5byc3a4r1cya.com/index.php/topic,175


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วเหนื่อยใจ ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: โดราอีมิ้งค์ มาแว้วววววววว ที่ สิงหาคม 05, 2013, 01:34:03 AM
ข่าวประเภทนี้มีมานานแล้วครับ ต้องขอบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่ (ส่วนใหญ่นะ) เชื่อพวกนักวิชาเกิน (อ่านไม่ผิดครับ "เกิน") และพวกนักเล่าข่าวที่ใส่อารมณ์และหรือความรู้สึกส่วนตัวลงไป
โดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน และไม่ค่อยหาข้อมูลด้วยตัวเองเท่าใดนัก ทั้งๆที่ถ้าหาเองนั้นข้อมูลให้รับรู้มีมากมายใน Internet ชาวต่างชาติยังแปลกใจเลย
เช่น ผมได้ไปนั่งอยู่กับผู้ที่อยู่ในวงการท่านหนึ่ง มีชาวต่างชาติมาคุยด้วยเรื่อง e-cig ชาวต่างชาติท่านนั้นถามว่า "ทำไมประเทศไทยไม่มี e-cig ขายทั่วไปล่ะ ต่างประเทศยังหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าเลย"
สิ่งที่เราต้องทำก็คือจะอธิบายอย่างไรให้เขาคนนั้นที่รับข้อมูลมาจากนักวิชาเกิน หรือนักเล่าข่าว รู้ได้ถึงคุณประโยชน์ที่ดีกว่า และเราก็ต้องบอกเขาไปด้วยว่ามันมีข้อเสียอะไรบ้าง เทียบกันทั้งสองอย่าง
และให้คนเหล่านั้นเลือกว่าจะเชื่ออะไร

ขออภัยที่ยาวนิดนึง ใส่อะไรที่ไม่อยากรับไปหน่อยนึง อิอิอิ :0014:


หัวข้อ: Re: อ่านแล้วเหนื่อยใจ ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DrackPhoto ที่ สิงหาคม 05, 2013, 06:40:30 AM
" โดยพบว่าจะใส่นิโคตินเหลวซึ่งมีความเข้มข้นมากกว่านิโคตินในบุหรี่มวนปกติถึง 6 เท่า นอกจากนี้ ยังไม่มีงานวิจัยชี้ว่าผู้สูบเสี่ยงจะได้รับอันตรายอะไรบ้าง จากกระบวนการทำให้เกิดไอ ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะใส่สารเคมีและใช้แบตเตอรี ทำให้เกิดความร้อนจนกลายเป็นไอเพื่อให้สูบนิโคตินเข้าไป "


ผมเอาแค่ท่อนนี้นะ

ก็ทำวิจัยซะทีซิครับ พูดกันมานาน มันไม่ดีโน้น นี่ นี่น สุดท้ายลงที่ ประโยคสีแดงหมด อุส่าห์ทำวิจัยว่ามันมีนิโคตินมากกว่า  ก็ทำต่อให้จบซิครับว่ามันยังไง
ดีเสียอย่างไร  รึทำแล้วแต่มันมีผลดีมากกว่า ถ้าเอามาพูดก็เสียผลประโยชน์เลยต้องหุบปาก ฟายเผือกเอ้ยยย  :0011:



หัวข้อ: Re: อ่านแล้วเหนื่อยใจ ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: โดราอีมิ้งค์ มาแว้วววววววว ที่ สิงหาคม 05, 2013, 09:59:55 AM
อ่ะ อันนี้แน่นอนครับ โรงงานยาสูบเสียผลประโยชน์ กรมสรรพสามิตเสียผลปะโยชน์ กรมสรรพากรเสียผลประโยชน์ น่าจะออกแนวประมาณว่าอัดเงินให้นักวิชาเกินออกมาพูดในส่วนที่เสียเข้าไว้
ทำวิจัย(รึเปล่า)ออกมา แล้วก็รายงานให้กับ รบ. ว่ามีแต่ผลเสียโดยที่ไม่เปรียบเทียบกัน จำไม่ได้ว่าอ่านที่ไหน แต่เคยมีคนขอนำเข้าแบบถูกต้องเมื่อปี 53 แต่เขาไม่อนุมัติน่ะ