ขายบุหรี่ไฟฟ้าราคาถูก.com : บทสัมภาษณ์บุหรี่ไฟฟ้า กับ Dr. Murray Laugesen
E-Cigarette Interview with Dr Murray Laugesen
26th May 2009นับว่าเป็นโชคดีของเราที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับชายคนหนึ่ง (ที่ไม่ได้อยู่ในห้องทดลองของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเป็นผู้ที่น่าจะรู้มากที่สุดเกี่ยวกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ดร. Murray Laugesen เป็นนักวิจัยที่ได้รับการยกย่องของ Health New Zealand เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ทำการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และได้นำเสนอผลการศึกษาในที่ประชุมนานาชาติ ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ พวกเราได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับข้อกังวลของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์
การใช้บทสัมภาษณ์นี้ ใครก็สามารถใช้บทสัมภาษณ์นี้ได้และขอให้แจ้งแหล่งข้อมูลและส่งลิงค์กลับมายังไซต์นี้ด้วย
ECD (E-Cigarette Direct): ในการสัมภาษณ์ของเราก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินว่า (จากหลักฐานที่มีอยู่) ความเสี่ยงจากบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ที่มีต่อสุขภาพอยู่ที่ระหว่าง 1% และ 1/10 ของ 1% ของบุหรี่ทั่วไป คุณได้ทดสอบผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ Ruyan แล้ว คุณประเมินความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์นี้อย่างไร?
ML: เราจัดอันดับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ของ Ruyan ว่ามีความปลอดภัยมากกว่าบุหรี่ยาสูบ 2-3 ลำดับ (ปลอดภัยกว่า 100 ถึง 1000 เท่า) เรากล่าวเช่นนี้เพราะ การทดสอบสารพิษหลักๆ เกือบ 60 ชนิดของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ Ruyan ไม่พบสารพิษเหมือนบุหรี่ทั่วไป มันไม่น่าประหลาดใจ เนื่องจากอุณหภูมิขณะทำงานของอะตอมไมเซอร์ของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 5 10% ของการเผาไหม้บุหรี่ยาสูบ ดังนั้น สารพิษจากควันบุหรี่จึงไม่ถูกสร้างขึ้นมา
ถ้าผู้ผลิตบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์แต่ละแห่งมีการรับรองด้านการผลิตที่ดี รวมถึงตัวโรงงาน และใช้ส่วนผสมที่บริสุทธิ์ ผลผลิตของพวกเขาก็ควรที่จะไม่มีอันตรายด้วย ปัญหาก็คือผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามในเรื่องดังกล่าว Ruyan ยอมรับความเสี่ยงในการทดสอบผลิตภัณฑ์ของเขาอย่างเปิดเผย และผลที่ออกมาคือมันบริสุทธ์อย่างมาก
ECD: ในครั้งแรกที่เราขอสัมภาษณ์คุณเมื่อหลายเดือนที่แล้ว คุณแนะให้พวกเรารอ เนื่องจากคุณอาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากกว่านี้ และตั้งแต่นั้นมา มีการศึกษาวิจัยมากขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ อะไรคือพัฒนาการล่าสุดบ้าง?
ML: นักวิจัยนิซีแลนด์เสนอผลงานการวิจัยในการประชุมที่ดับบลินของ International Society for Research on Nicotine and Tobacco ในตอนปลายเดือนเมษายน 2009 ว่า บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ Ruyan นั้นปราศจากสารพิษจากควันบุหรี่ และสามารถเพิ่มนิโคตินในเลือดของผู้สูบและลดความอยากบุหรี่ได้
EDC: กลุ่มสาธารณสุขในอเมริกาส่วนใหญ่ระบุว่า อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ควรใช้จนกว่าจะผ่านการทดสอบอย่างครอบคลุมก่อน คุณเห็นด้วยกับท่าทีดังกล่าวหรือไม่?
ML: เราจะเห็นด้วย ถ้ามันเป็นยาแบบที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (prescription drugs) แต่นิโคตินเป็นหนึ่งในยาที่ปลอดภัยที่สุด และขายเพื่อเป็นทางเลือกในการทดแทนผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคมากที่สุด นั่นก็คือบุหรี่ยาสูบ ความเสี่ยงที่ต่ำเมื่อเทียบกับบุหรี่ เป็นความเสี่ยงเดียวที่ผู้สูบต้องเผชิญ ความเสี่ยงที่ผู้จัดจำหน่ายจะเจอคือการถูกฟ้องร้องเนื่องจากตัวผลิตภัณฑ์มีปัญหา (ซึ่งสามารถทำประกันความเสี่ยงได้และไม่เป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับผู้ขายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์)
ในอเมริกา การทดสอบอย่างเข้มข้น เพื่อพิสูจน์ความปลอดภัยอย่างแท้จริง (near zero absolute safety) หมายถึงการทดสอบตามแบบฉบับของ FDA ซึ่งในการทดสอบนี้ที่อเมริกาสูงหลายล้านดอลล่าร์และใช้เวลานานหลายปีและทำให้ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เพิ่มขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่เกือบจะเป็นแบบผูกขาด (monopoly) มันต้องมีการทดสอบแบบง่ายๆ หรือแบบเฉพาะที่กำหนดไว้ ไม่ต้องมีการจดทะเบียนยา หรือเหมือนกับในประเทศอังกฤษที่อุปกรณ์และรีฟีลถูกขายโดยจัดอยู่ในประเภทที่ไม่ใช่ยา (non-medicines)
ดังนั้น ความหวังของผมคือ FDA และผู้ออกระเบียบรายอื่นๆ จะทบทวนท่าทีเกี่ยวกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ โดยมุ่งหวังที่จะช่วยชีวิตผู้สูบส่วนใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สร้างความสมดุลย์กับกฎเกณฑ์ทางสาธารณสุขกับสิ่งที่เขาต้องการปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภค และอาจจะออกกฎหมายใหม่ที่ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของผลิตภัณฑ์นิโคติน
ผลิตภัณฑ์นี้มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อการหยุดสูบบุหรี่ บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เริ่มขายในอังกฤษตั้งแต่ปี 2007 (โดยจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ยา หรือ non-medicines) และขายในอเมริกามากกว่าหนึ่งปีมาแล้ว โดยปราศจากรายงานอันตรายใดๆ ในสื่อหรือวารสารทางการแพทย์ในอเมริกา หรือรายงานจากหมอถึงผลร้ายที่ตามมา มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือผู้สูบที่จะเลิกบุหรี่ ดังนั้น ช่วยลดอัตราการตาย 1 ใน 2 ของผู้สูบบุหรี่ การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมจึงมีความจำเป็นต้องมีต่อไป
จนถึงขณะนี้ การตอบสนองจากทุกๆ หน่วยงานของรัฐบาลคือ นิโคตินในบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ได้รับการจัดกลุ่มว่าเป็นยา (medicines) ซึ่งจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลล่าร์และมีความล่าช้าเป็นปีๆ และทำรายงานหลายหน้าเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎระเบียบที่จะนำผลิตภัณฑ์นี้เข้าสู่ในตลาด ค่าใช้จ่ายนี้จะเกิดซ้ำอีกครั้งเนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ละอันต้องจดสิทธิบัตรและถูกทดสอบเพื่อได้รับการอนุมัติ เรื่องสิทธิบัตรยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ส่วนสิทธิบัตรเพิ่มเติมอื่นๆ และการพัฒนาในเรื่องการออกแบบยังอยู่ในกระบวนการดำเนินงานอยู่
ยังมีความโต้แย้งระหว่างความปลอดภัยสูงสุดของสิ่งที่มาทดแทนบุหรี่ (ความจริงก็คือ ไม่มียาใดที่ปลอดภัย 100%) และความปลอดภัยของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เมื่อเปรียบเทียบกับการสูบยาสูบ ผู้ออกระเบียบยึดกฎเรื่องสิ่งที่ดีสำหรับประชาชน และนี่เองที่ขัดแย้งกับสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยที่จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเร็วขึ้นจากการใช้ยาสูบอย่างต่อเนื่อง
หน่วยงานรัฐบาลที่ควบคุมเรื่องยาสูบสามารถเข้ามาช่วยเหลือโดยนั่งคุยกับผู้ออกระเบียบเรื่องยา เพื่อสร้างความสมดุลย์ในการพิจารณานี้ และออกกฎหมายที่ผ่อนคลายเพื่อความปลอดภัยสำหรับผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ออกฤทธ์เร็ว ตามที่ถูกเสนอโดยกลุ่มยาสูบของ Royal College of Physicians London เมื่อเร็วๆ นี้
กลุ่มการควบคุมยาสูบ (tobacco control community) สามารถเข้ามาช่วยเหลือโดยทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลด้านสาธารณสุขและด้านการค้นคว้าวิจัย เพื่อเร่งการวิจัยและการพัฒนาของผลิตภัณฑ์นี้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนรุ่นใหม่รุ่นแรกที่มาแทนที่การสูบยาสูบ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ผู้สูบจำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการนิโคตินที่ปลอดภัย และยิ่งสามารถหว่านล้อมตลาดได้เร็วเมื่อไหร่ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
EDC: ท่ามกลางกลุ่มต่างๆ WHO ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการส่งนิโคตินเข้าไปในปอดด้วยอุปกรณ์นี้ อยากทราบว่าคุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?
ML: อันดับแรก ตอนนี้เรารู้ว่าปริมาณนิโคตินหนึ่งพัฟ (per puff) นั้นต่ำและเพื่อให้ผู้สูบหายอยากเหมือนได้สูบบุหรี่จริงๆ จำเป็นต้องสูบหลายพัฟ อันดับสอง เราพบว่านิโคตินในบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ดูเหมือนว่าจะถูกดูดซึมที่ทางเดินอากาศส่วนบนของร่างกาย (upper airways) มากกว่าในปอด ดังนั้นมันจึงไม่ถูกส่งไปถึงสมองอย่างรวดเร็ว เหมือนกับกรณีของบุหรี่ยาสูบ
เมื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่ยาสูบ ปริมาณนิโคตินที่ต่ำกว่าต่อหนึ่งพัฟในบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ และการส่งไปยังสมองที่ช้ากว่าหมายถึงความเสี่ยงที่จะติดนั้นค่อนข้างต่ำ ทั้งผู้จัดจำหน่ายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอยากที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์และหน่วยงานด้านสาธารณสุขซึ่งปรารถนาที่จะปกป้องช่วยชีวิตคน จำเป็นต้องให้ความเอาใจใส่มากกว่านี้ในเรื่องการส่งผ่านนิโคติน (nicotine deliveries) เพราะการไม่มีนิโคตินที่เพียงพอ บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์จะไม่เป็นที่พึงพอใจพอที่จะมาทดแทนบุหรี่
ECD: จากการใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ เรารู้ส่วนผสม ผู้สูบสามารถคาดหวังว่าสุขภาพของเขาจะดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง?
ML: ประโยชน์หลักๆ ของการใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ที่มีต่อสุขภาพคือ เมื่อใช้แทนบุหรี่ยาสูบ ซึ่งลดความเสี่ยง 1 ใน 2 ของการตายก่อนเวลาอันควร (carry a one in two risk of early death) ผู้ที่เลิกสูบยาสูบไม่ว่าจะด้วยวิธีใดจะได้รับประโยชน์อย่างมากตราบใดที่เขาไม่กลับไปสูบแบบเดิม ผู้ใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ควรเลิกสูบบุหรี่อย่างสิ้นเชิง หรือเลิกใช้นิโคตินโดยสิ้นเชิงเช่นกัน และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ยาสูบแม้เพียงมวนเดียวในหนึ่งวัน เพราะแค่การสูบบุหรี่เพียงมวนเดียวต่อวัน ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงต่อโรคหัวใจล้มเหลว
Propylene glycol (เป็นส่วนผสมหลักในไอของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์) เป็นที่รู้ว่าเป็นตัวฆ่าเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียในอากาศ (airborne flu virus and bacteria) และน่าจะช่วยป้องกันผู้คนจากเชื้อเมื่อหายใจเข้าไป ขณะที่ในทางกลับกัน การสูบยาสูบมีความเสี่ยงถึงชีวิตเป็นสองเท่าเมื่อป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ (a flu epidemic) อย่างไรก็ตาม เรายังไม่มีข้อมูลว่า การที่สูด Propylene glycol เป็นพักๆ จากบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
ECD: ในสภาวะการณ์ใดที่อาจจะไม่ช่วยให้ดีขึ้นหลังจากที่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์?
ML: บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์จะไม่ช่วยป้องกันโรคและความเสียหายที่เกิดจากการสูบยาสูบในอดีต แต่บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยหยุดไม่ให้ผู้สูบแย่ลง จากการสูดควันยาสูบพิษ
ECD: ทั้งๆ ที่มีการศึกษาวิจัยของคุณในนิวซีแลนด์และมีกลุ่มผู้สนับสนุนมากมายในชุมชน Tobacco Harm Reduction บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์กลับถูกห้ามในออสเตรเลียและในประเทศของคุณเอง (นิวซีแลนด์) นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าจะมีการประกาศห้ามในแคนาดา และในอเมริกาก็กำลังจะทำให้มันเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้ข้อกำหนดที่ต้องทำการทดสอบด้วยวิธีการที่เป็นไปไม่ได้ การประกาศห้ามผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยมากกว่าบุหรี่ จึงดูเหมือนเป็นเรื่องไม่สมเหตุผล อะไรคือเหตุผลของการต่อต้านบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์?
ML: โดยส่วนตัวแล้วผู้ออกกฎข้อบังคับส่วนใหญ่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องไม่สมเหตุผล บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ถูกกักอยู่ในกับดักกับกฎข้อบังคับแบบ 2 กล่อง (two-box regulatory trap) ผลิตภัณฑ์นิโคตินภายใต้กฎหมายจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือไม่ก็เป็น (เวชภัณฑ์) ทางเลือกหนึ่งในเพียง 2 ทางเลือกนั้นเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก (dilemma) สำหรับผู้ออกกฎข้อบังคับ
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในความพยายามที่จะเป็นแบบไร้ยาสูบ (tobacco-free) ไม่เหมาะที่จะอยู่ในกล่องแรกอีกต่อไป
ดังนั้น ผู้ออกกฎระเบียบจึงจัดให้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์อยู่ในกล่องที่ 2 ซึ่งเป็นกลุ่มยา
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของผู้สูบ บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ควรจัดอยู่ในกล่องที่ 3 ซึ่งเป็นทางเลือกของวิถีชีวิต (a lifestyle choice) หรือเป็นทางเลือกที่จะไม่สูบบุหรี่ มันยังเป็นเรื่องของอำนาจตลาด (market power) บริษัทยาสูบขนาดใหญ่ควบคุมกล่องใบที่ 1 บริษัทยาขนาดใหญ่และ the white coat health professional prescribers และ dispensers ควบคุมกล่องใบที่ 2 ในขณะที่ผู้สูบมากมายที่ติดนิโคติน (ผู้ซึ่ง) มีแนวโน้มที่จะนั่งรอความตายกลับไม่มีอำนาจ พวกเขาอยากจะซื้อจากกล่องที่ 3 แต่ในกล่องกลับไม่มีอะไรเลย
ECD: การศึกษาชิ้นหนึ่งในยุโรปชี้ให้เห็นว่า การทำให้ Snus เป็นสิ่งผิดกฎหมายก่อให้เกิดความสูญเสียถึงแก่ชีวิตของชาวยุโรปหลายพันคน ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะระบุจำนวน อยากทราบว่า ในความคิดของคุณ การห้ามใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ในอเมริกาจะก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตอย่างมากมายหรือไม่?
ML: การทำให้ Snus ผิดกฏหมายในยุโรปไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนในยุโรป ดูได้จากความนิยมใน snus ของผู้ชายชาวสวีเดน ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของผู้ชายต่ำลง อัตราการการลดลงของผู้สูบบุหรี่เพศชายและอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดของชายชาวสวีเดนก็ต่ำลงด้วย บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เมื่อเปรียบเทียบกับ Snus แล้ว มีข้อได้เปรียบที่ดึงดูดทั้งผู้ชายและผู้หญิง การประกาศห้ามเกี่ยวกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา ทำลายความพยายามที่จะรู้ว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์จะสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากบุหรี่ยาสูบได้หรือไม่ ผมคิดว่าการประกาศห้ามการขายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์จะทำให้ศักยภาพความเป็นไปได้ที่จะช่วยชีวิตคนถดถอยลง อย่างไรก็ตาม เราต้องการสถิติว่ามีการขายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ไปจำนวนเท่าใดในอุตสาหกรรมนี้ และมีผู้ที่ใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์นี้มีกี่คนที่ยังคงสูบบุหรี่แบบเดิมอยู่
ที่มา: E-Cigarette Interview with Dr Murray Laugesen
เครดิตร "Wonder Girl"